การมาร์กด้วยเลเซอร์เป็นการประมวลผลแบบไม่สัมผัส ซึ่งไม่ก่อให้เกิดความเครียดเชิงกล และไม่มีปัญหาเช่นการสึกหรอและการหลุดร่วงที่พบในวิธีการประมวลผลแบบดั้งเดิมอื่นๆ เช่น การพ่นสีและสติกเกอร์ ดังนั้นจึงมีการใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมต่างๆ
หากแยกความแตกต่างตามหลักการทำงาน การมาร์กด้วยเลเซอร์สามารถแบ่งได้หลายประเภท และการมาร์กด้วยเลเซอร์ประเภทต่างๆ จะสอดคล้องกับระบบควบคุมด้วยเลเซอร์ที่แตกต่างกัน ให้เรายกตัวอย่างการประมวลผลด้วยความร้อนและการประมวลผลเย็นในการมาร์กด้วยเลเซอร์
การประมวลผลด้วยความร้อนใช้ลำแสงเลเซอร์พลังงานสูงเพื่อให้ความร้อนแก่พื้นผิวของวัสดุ ทำให้เกิดปฏิกิริยาทางกายภาพหรือทางเคมี เช่น คาร์บอนไดออกไซด์และออกซิเดชันผ่านเลเซอร์ ส่งผลให้วัตถุมีเครื่องหมายถาวร ในอุตสาหกรรมที่มีความต้องการความแม่นยำต่ำ เช่น การมาร์กบนสแตนเลส ไม้ และหนัง สามารถเลือกการประมวลผลด้วยความร้อนได้ ไฟเบอร์หรือเลเซอร์CO₂มักเป็นตัวเลือกที่ต้องการสำหรับการประมวลผลด้วยความร้อน แม้ว่าการประมวลผลด้วยความร้อนไม่จำเป็นต้องมีความแม่นยำสูงมากนักก็ตามตัวควบคุมเลเซอร์ต้องใช้ระบบควบคุมเลเซอร์เพื่อให้สามารถส่งออกพลังงานได้ดีและมีความสามารถในการซิงโครไนซ์การสแกน
การประมวลผลแบบเย็นส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับผลกระทบทางเคมีแสงหรือผลกระทบทางกายภาพที่ไม่ใช่ความร้อน โดยใช้โฟตอนเลเซอร์เพื่อทำลายพันธะโมเลกุลของวัสดุโดยตรง การแปรรูปแบบเย็นสามารถนำไปใช้ในด้านที่มีความต้องการสูงสำหรับความแม่นยำในการประมวลผล เช่น ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ ชิป และอุปกรณ์ทางการแพทย์ วิธีการประมวลผลนี้มักจะใช้เลเซอร์อัลตราไวโอเลต เลเซอร์สีเขียว หรือเลเซอร์พิโควินาที เมื่อเปรียบเทียบกับการประมวลผลด้วยความร้อน การประมวลผลแบบเย็นมีข้อกำหนดที่เข้มงวดมากขึ้นเกี่ยวกับความแม่นยำของตัวควบคุมเลเซอร์
ตัวควบคุมเลเซอร์ส่งผลต่อความเร็ว ความแม่นยำ และคุณภาพของการมาร์กด้วยเลเซอร์ เมื่อเลือกกตัวควบคุมเลเซอร์จำเป็นต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าเอฟเฟกต์การมาร์กด้วยเลเซอร์มีความชัดเจน ไม่มีการเบี่ยงเบน และมีความลึกของการมาร์กที่สม่ำเสมอ ตัวควบคุมเลเซอร์ที่ดีสามารถหลีกเลี่ยงปัญหาต่างๆ เช่น การมาร์กที่ไม่ชัดเจน ขอบสีดำ หรือการหลอมละลายที่ขอบ หรือการเสียรูปของรูปแบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ
